การเลือกสีย้อมผ้าให้ถูกต้องเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะทำให้ผ้ามีสีสวย ติดทน ไม่หลุดง่าย ไม่ซีดเร็ว และไม่ทำให้เนื้อผ้าเสียคุณภาพ แม้จะมีสีย้อมหลายชนิดให้เลือกในท้องตลาด แต่สีย้อมแต่ละประเภทถูกออกแบบมาให้เหมาะกับเส้นใยที่แตกต่างกัน หากเลือกผิดประเภทต่อให้ใช้เทคนิคย้อมดีแค่ไหน สีอาจไม่ติด หรือหลุดในครั้งแรกที่ซักได้
เส้นใยแต่ละชนิดมีโครงสร้างทางเคมีต่างกัน เช่น
เส้นใยธรรมชาติอย่าง ฝ้าย ไหม วูล มีโครงสร้างเซลลูโลสหรือโปรตีน
เส้นใยสังเคราะห์อย่าง โพลีเอสเตอร์ ไนลอน อะคริลิก มีโครงสร้างโพลีเมอร์ที่ไม่ดูดซึมน้ำได้ดี
ดังนั้นสีย้อมแต่ละประเภทจึงมี “คุณสมบัติการจับยึด” ที่แตกต่างกัน ถ้าเลือกไม่ถูก กลไกทางเคมีจะไม่ทำงาน ทำให้สีไม่ติดหรือหลุดง่าย
ได้แก่ ฝ้าย (Cotton), ลินิน (Linen), เรยอน (Rayon), ป่าน (Hemp)
Fiber Reactive Dye
เป็นสีย้อมที่ดีที่สุดสำหรับผ้าฝ้ายและผ้าเซลลูโลส
สีสด ติดทนนาน ไม่หลุดง่าย
เกิดปฏิกิริยาทางเคมีกับเส้นใยโดยตรง
Direct Dye (สีย้อมติดตรง)
ใช้งานง่าย สีสวย แต่ความทนทานต่อน้ำและการซักน้อยกว่า Reactive Dye
เหมาะกับงานทั่วไป ไม่ต้องการความทนสูงมาก
Vat Dye (สีย้อมหม้อ)
ทนทานมากที่สุด ทนซัก ทนแดด สีไม่ซีด
วิธีใช้ยุ่งยากกว่า แต่เหมาะสำหรับงานอุตสาหกรรม
หากต้องการงานแฟชั่นทั่วไป → ใช้ Reactive Dye
หากเป็นงานผ้าทนแดด เช่น ผ้า outdoor → ใช้ Vat Dye
ได้แก่ ไหม (Silk), วูล (Wool), ขนสัตว์ (Cashmere, Alpaca)
Acid Dye
เหมาะที่สุดสำหรับไหมและวูล
สีสด นุ่มนวล ไม่ทำร้ายเส้นใย
ใช้ในอุตสาหกรรมผ้าขนสัตว์ทั่วโลก
Natural Dye (สีย้อมธรรมชาติ)
ไหมและวูลจับสีธรรมชาติได้ดีมากกว่าฝ้าย
ให้โทนสีอบอุ่นและนุ่มนวล
เลือก Acid Dye เกรดคุณภาพ หากต้องการความทนทาน
อย่าใช้น้ำร้อนจัดเกินไป เพราะอาจทำให้วูลหดตัวหรือไหมเสียทรงได้
ได้แก่ โพลีเอสเตอร์ (Polyester), ไนลอน (Nylon), อะคริลิก (Acrylic), Spandex
เส้นใยนี้ทนความร้อนสูง ไม่ดูดซึมน้ำ ทำให้ย้อมได้ยากที่สุด
สีย้อมที่เหมาะสม: Disperse Dye
ต้องใช้ความร้อนสูง (ประมาณ 90–130°C)
ใช้เครื่องย้อมเฉพาะ หรือหม้อต้มแรงดัน
สามารถใช้ Acid Dye ได้ดี
สีติดง่าย สด และทนทาน
ใช้อุณหภูมิประมาณ 60–90°C
ใช้ Basic Dye
ให้สีสดมาก ติดแน่น
เหมาะสำหรับงานสิ่งทอที่ต้องการความทนสูง
ตรวจสอบฉลากว่าเป็นผ้าสังเคราะห์ 100% หรือผสม
โพลีเอสเตอร์ย้อมยากที่สุด ต้องใช้ Disperse Dye เท่านั้น
การย้อมด้วยน้ำร้อนเป็นสิ่งจำเป็นในเส้นใยสังเคราะห์
เช่น
Cotton + Polyester
Nylon + Spandex
Cotton + Rayon
ต้องเลือกให้ตรงกับเส้นใยทั้งสองชนิด เช่น
Cotton + Polyester → ต้องใช้ Reactive Dye + Disperse Dye ในขั้นตอนย้อมสองเฟส
Nylon + Spandex → ย้อมด้วย Acid Dye ได้ แต่ต้องใช้ความร้อนต่ำเพื่อไม่ทำลาย Spandex
งานผสมอาจต้องย้อมสองครั้งด้วยสีย้อมสองชนิด
สีอาจมีความเข้มไม่เท่ากันเนื่องจากเส้นใยดูดซึมต่างกัน
| ประเภทเส้นใย | สีย้อมที่เหมาะสมที่สุด | คุณสมบัติเด่น |
|---|---|---|
| ฝ้าย / ลินิน / เรยอน | Reactive Dye | สีสด ติดทน ไม่หลุดง่าย |
| ไหม / วูล | Acid Dye | สีสวย นุ่ม ไม่ทำลายเส้นใย |
| โพลีเอสเตอร์ | Disperse Dye | ต้องใช้ความร้อนสูง สีทนมาก |
| ไนลอน | Acid Dye | ติดง่าย สีสด |
| อะคริลิก | Basic Dye | สีสดจัด ติดเร็ว |
| ผ้าผสม (Cotton+Poly) | Reactive + Disperse | ต้องย้อมแยกหรือย้อมสองเฟส |
ตรวจสอบชนิดผ้าก่อนซื้อสีย้อม
เลือกสีย้อมเกรดคุณภาพ ไม่ใช่สีผงทั่วไป
ใช้น้ำยาช่วยติด เช่น เกลือ โซดาแอช (สำหรับ Reactive Dye)
ใช้อุณหภูมิที่เหมาะสมกับสีย้อมแต่ละชนิด
ซักล้างหลังย้อมอย่างถูกวิธีเพื่อลดสีตก
การเลือกสีย้อมผ้าให้เหมาะกับประเภทเส้นใยคือปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ผ้ามีสีสวย ติดทน และดูคงทนต่อการใช้งาน สีย้อมแต่ละชนิดทำงานร่วมกับเส้นใยที่แตกต่างกัน ดังนั้นการรู้จักเส้นใยผ้าและคุณสมบัติของสีย้อมแต่ละแบบจะช่วยให้การย้อมผ้าสำเร็จอย่างมืออาชีพ
บริษัท ศิวะสัมพันธ์ จำกัด พร้อมเป็นพันธมิตรให้กับผู้ผลิตสิ่งทอทั่วประเทศ ด้วยสีย้อมคุณภาพและบริการให้คำปรึกษาอย่างมืออาชีพ
📍 ศิวะสัมพันธ์ จำกัด
📞 02 4372117
🌐 จำหน่ายสีย้อมและเคมีภัณฑ์สิ่งทอคุณภาพ
🚚 บริการจัดส่งทั่วประเทศ
บริษัท ศิวะสัมพันธ์ จำกัด
ที่อยู่ : 1 ซ. 18 ถ.ท่าดินแดง-คลองสาน แขวงคลองสาน
เขตคลองสาน กทม. 10600